ครั้งหนึ่งเมื่อนานมาแล้วได้มีเทพเจ้าองค์หนึ่งมีนามว่า 'อิซานางิ' หรือที่รู้จักกันในนามเทพแห่งท้องฟ้าและแสงสว่าง ผู้คนเชื่อกันว่าเขาเป็นผู้สร้างโลก แต่ไม่มีใครรู้ว่าอิซานางิได้ให้กำเนิดบุตรชายสองคนผู้ที่จะทำหน้าที่สืบทอดต่อจากเขา บุตรชายคนแรก 'อามาเทราสึ' เจ้าแห่งดวงอาทิตย์ ตามมาด้วยบุตรคนที่สอง 'สึคิโยมิ' เจ้าแห่งดวงจันทร์ 


          โลกนินจาดำเนินไปอย่างสงบสุข จนวันหนึ่งก็บังเกิด 'ฮาชิมัน' เทพแห่งสงครามเข้ามายั่วยุให้พี่น้องทั้งสองเกิดการทะเลาะกัน ความรุนแรงทวีผลมากขึ้นเรื่อยๆจนทำให้เกิดภัยพิบัติมากมายแก่โลกนินจา เป็นผลให้อิซานางิผู้เป็นพ่อต้องลงมาจัดการเรื่องนี้ ด้วยการแบ่งโลกนี้ออกเป็นสองมิติ จึงเป็นที่มาของ 'โลกคู่ขนาน' 


          โดยแบ่งคัมภีร์ออกเป็นสองส่วนคือ คัมภีร์ขาว ถูกเก็บไว้ที่อามาเทราสึ ส่วน คัมภีร์ดำ ถูกเก็บไว้ที่สึคิโยมิ โลกทั้งสองจะดำเนินไปอย่างสงบสุขเว้นแต่มีใครบางคนประสงค์ร้ายคิดที่จะครอบครองคัมภีร์ดำให้อยู่ในกำมือ...

.
.
.
.
.
.
.

          ยามสายัณห์ลาลับ ยามราตรีก็มาเยือน ท้องฟ้าสีรัตติกาลถูกแต่งแต้มไปด้วยดวงดาวส่องแสงระยิบระยับทั่วผืนฟ้า บรรยากาศอันเงียบสงบของป่าใหญ่ถูกรบกวนด้วยเสียงที่สั่นไหวของกิ่งไม้ 

          แสงจันทร์นวลสว่างในความมืดส่องกระทบเรือนผมสีดอกซากุระ เผยให้เห็นร่างของนินจาสาวกระโดดไปตามกิ่งไม้ใหญ่แต่ละต้นอย่างว่องไว ตามมาติดๆด้วยชายหนุ่มหน้าหนวดเจ้าของดวงตาสีน้ำทะเล 



          "ในที่สุดก็สำเร็จสักทีนะ เมนมะ"

     เสียงเอ่ยของ 'ฮารุโนะ ซากุระ' ผู้ซึ่งได้ชื่อว่าลูกสาววีรบุรุษแห่งโลกนินจาที่ล่วงลับไปแล้ว แต่นั่นก็ไม่ใช่เรื่องที่น่าเศร้าอีกต่อไปเมื่อเธอฉุกคิดได้ว่ายังมีเพื่อนฝูงและผู้คนอีกมากมายที่คอยให้กำลังใจและช่วยเหลือเธอมาตลอด 



          "ตอนนี้ก็เหลือแค่นำคัมภีร์นี่ไปให้ท่านโฮคาเงะสินะ"



          "ใช่แล้วล่ะ แต่ตอนนั้นนายเก่งมากเลยนะ ที่จัดการเจ้าพวกนั้นได้หมด"


          "ฉันคนเดียวที่ไหนล่ะ ถ้าไม่ได้เธอฉันก็คงแย่ด้วยเหมือนกัน"



          ย้อนกลับไปถึงเหตุการณ์เมื่อครู่ ที่พวกเขาเพิ่งจะลักลอบนำคัมภีร์ออกมาจากฐานลับของพวกมันได้นี่ก็ทำเอาเหนื่อยแทบแย่ ลองนึกสภาพคนสองคนปะทะพันคนดูก็พอจะเข้าใจวิถีของหมาหมู่ที่พวกมันใช้ได้ แต่ดูเหมือนจำนวนจะไม่ใช่อุปสรรคเลยแม้แต่น้อยถ้าเทียบกับฝีมือของเธอกับเมนมะ จนในที่สุดเจ้าพวกนั้นก็ราบคาบตามกันไป



          "เฮ้อ~ทั้งๆที่วันนี้เป็นวันเกิดฉันแท้ๆ แต่ท่านโฮคาเงะยังสั่งให้มาทำภารกิจอะไรแบบนี้อีก"  ซากุระพูดด้วยน้ำเสียงเหนื่อยใจพลางก้าวกระโดดต่อไปข้างหน้า



          "นั่นสิ วันนี้วันเกิดเธอนี่นา สุขสันต์วันเกิดนะ...ซากุระ"


     เสร็จสิ้นประโยคนั้นก็ทำให้หญิงสาวหัวใจเต้นรัวไม่เป็นจังหวะ ใบหน้าขาวเริ่มขึ้นสีแดงระเรื่อ ทำให้ความเงียบเริ่มคืบคลานเข้ามา


     เป็นที่รู้กันอยู่ว่าเธอน่ะแอบชอบเมนมะมาแต่ไหนแต่ไรแล้ว เขาเป็นคนเดียวที่ทำให้เธอใจสั่นได้ขนาดนี้ เธอไม่อาจบอกได้ว่าเขารู้เรื่องนี้หรือยัง แต่เธอกลัว...กลัวว่าถ้าเขารู้ความจริงแล้วทุกอย่างจะไม่เหมือนเดิม 



          'นายจะรู้บ้างไหม...เมนมะ?'





          "ซากุระ!!!" 

     เสียงตะโกนเรียกดังสนั่นของเมนมะทำให้เธอจำต้องหลุดออกจากภวังค์ เธอหันไปสบกับดาวกระจายจำนวนหนึ่งที่กำลังพุ่งเป้ามาที่เธอ พอดีกับตอนที่ชายหนุ่มเองก็ปาดาวกระจายกลับไปสวนทิศทางเหล่าอาวุธร้ายทั้งหมดได้ทันควัน ก่อนจะกระโดดไปยังกิ่งไม้เดียวกับที่เธอยืนอยู่



          "เป็นอะไรหรือเปล่า"


          "อ..อื้ม ไม่เป็นไรหรอก ขอบใจนะ"





          "ส่งคัมภีร์นั่นมาให้ฉัน ถ้าพวกแกยังอยากมีชีวิตรอดกลับไป"

     ร่างสูงภายใต้หน้ากากปิดบังใบหน้าสวมทับด้วยเสื้อคลุมสีดำค่อยๆย่างเดินออกมาจากมุมมืดใต้ร่มไม้ เมนมะเห็นเช่นนั้นจึงดึงข้อมือของเธอให้มายืนหลบข้างหลังเขาก่อนจะหยิบคัมภีร์ม้วนนั้นใส่มือเธอไป



          "หนีไปซะ ซากุระ"


          "เอ๋!? แล้วเธอล่ะ!"



          "ไม่ต้องห่วง เดี๋ยวจะรีบตามไปทันทีที่จัดการเจ้าหมอนี่เสร็จ"


________________________________________________________





          "สุขสันต์วันเกิดนะ!/สุขสันต์วันเกิดจ้าซากุระจัง!"

     เสียงตะโกนร่าเริงของทุกคนตะโกนใส่หูเธออย่างจัง เสียงพลุเล็กๆดังออกมาอย่างต่อเนื่อง ป้ายวันเกิดกับริบบิ้นหลากสีสันถูกตกแต่งเล็กน้อยตามฝาห้องใน ร้านเนื้อย่างเจ้าประจำของทีมสิบ นานทีปีหนจะได้มีโอกาสมาเจอกันพร้อมหน้าพร้อมตาสักครั้งในรอบปี เว้นแต่วันนี้เป็นวันพิเศษของนินจาแพทย์สาวที่ตอนนี้ปรากฏรอยยิ้มกว้างประดับประดาบนใบหน้า


          "ขอบคุณนะ ขอบใจมากจ้ะทุกๆคน" 


          "แก่ขึ้นอีกปีแล้วนะยัยโหนก ขอให้มีความสุขมากๆ อยู่เป็นเพื่อนรักฉันแบบนี้ไปนานๆเลยนะจ้ะ"


          "โห! แปลกใจนะเนี่ยที่เห็นอิโนะพูดอะไรแบบนี้"  โจจิว่าก่อนจะคีบเนื้อเข้าปากเคี้ยวหงุบหงับเสียงดัง


          "แปลกตรงไหนกันยะ! นี่ฉันจะพูดดีๆบ้างไม่ได้หรือไง"


          "ใจเย็นๆนะครับ วันนี้วันเกิดคุณซากุระทั้งทีอย่าทะเลาะกันเลยนะครับ"


     เมื่อได้ยินคำพูดที่ดูฟังขึ้นของซาอิเธอก็ฉุกคิดได้ แต่ทันใดนั้นเมื่อนิสัยเก่าของชายหนุ่มผิวซีดเริ่มที่จะกำเริบอีกครั้ง


          "ผมขอให้คุณซากุระหาแฟนได้เร็วๆนะครับ ขืนรอนานกว่านี้ผมเกรงว่าจะขายไม่ออก"


     ร่างบางเจ้าของดวงตาสีมรกตกระตุกยิ้มพยายามสะกดอารมณ์โกรธของตนเองไม่ให้ปะทุในขณะที่กำมือกร็อดแน่นแผ่รังสีความน่ากลัวออกมา ทำให้ทุกคนจำต้องกลืนน้ำลายลงคออย่างยากลำบาก 


          'ใจเย็นไว้ซากุระ วันเกิดทั้งทีเธอคงไม่อยากให้มีคนตายหรอกนะ!'







          บรรยากาศในร้านกลับมาครึกครื้นอีกครั้ง เมื่อบทสนาของหนุ่มสาวเริ่มขึ้น วันนี้จะเห็นได้ว่าหลายๆคนที่มานั้นล้วนมีคู่กันหมดแล้ว ตอนนี้ก็มีแค่ตัวเธอเท่านั้นที่มองไม่เห็นโอกาสถึงความเป็นไปได้เลยสักนิด นี่เธอจะต้องขึ้นคานเหมือนที่ซาอิบอกจริงๆเหรอ?


          มองออกไปก็เห็นภาพฮินาตะกำลังลูบหลังเจ้านารูโตะที่เมาแอ๋ในตอนนี้ หรือจะมองไปอีกทางก็เห็นคุณเทมาริกำลังทำหน้าที่คีบเนื้อย่างป้อนเข้าปากคนขี้รำคาญอย่างชิกามารุ แล้วไหนจะซาอิกับอิโนะนี่อีก ตอนนี้เธอรู้สึกเหมือนกำลังโดนมดกัดเชียวล่ะ


          'จะหวานกันก็ช่วยเกรงใจคนโสดอย่างฉันหน่อยสิยะ!'



          ไม่ใช่ว่าที่ผ่านมาไม่มีหนุ่มคนไหนเข้ามาจีบเธอซักหน่อย แต่แค่คนที่ผ่านเข้ามาจำต้องเสียใจอกหักตามๆกันไป ไม่ว่าใครก็ไม่สามารถเข้ามาแทนที่เขาคนนี้ได้ เพราะหัวใจดวงนี้เธอได้มอบให้เขาไปหมดแล้ว...




          "เป็นอะไรไปเหรอ ซากุระจัง"  หญิงสาวเจ้าของทรงผมมัดสี่จุกที่มาพร้อมดวงตาเรียวสวยตอบรับกับใบหน้าเดินเข้ามาแตะไหล่ซากุระเบาๆ 


          "เอ๋!? ป..เปล่าค่ะคุณเทมาริ ก็แค่คิดอะไรไปเรื่อยเปื่อยน่ะค่ะ"  น้ำเสียงขลุกขลักที่หลุดออกมาพร้อมกับท่าทีเกาหัวแกรกๆนั่น ก็ทำให้เจ้าหญิงแห่งแคว้นซึนะรู้ได้ทันทีว่าเธอกำลังคิดอะไรอยู่


          "เธอนี่เหมือนเจ้าน้องชายฉันไม่มีผิดเลยน้า"


          "ยังไงเหรอคะ"


          "ทั้งนิสัยและหลายๆอย่างน่ะ ถึงภายนอกจะดูเย็นชาจนแข็งกระด้างไปบ้าง แต่ภายในจิตใจมันต่างกันโดยสิ้นเชิงเลยล่ะ"



          นั่นสินะ ขนาดคุณเทมาริยังดูออก เธอมักจะทำเป็นอวดเก่งว่าไม่เป็นไร แกล้งทำเป็นว่าแข็งแกร่ง พยายามปิดบังความอ่อนแอของตัวเองทั้งๆที่ต้องกลับมาร้องไห้อยู่บ่อยครั้ง สุดท้ายเธอมันก็แค่ยัยเด็กขี้แยนั่นแหละ เธอก็แค่หลอกตัวเองไปวันๆเท่านั้นซากุระ



          "เขาเป็นคนที่ทุ่มเทกับสิ่งที่ทำมากเลยนะ วันๆก็ใช้เวลาส่วนใหญ่ขลุกอยู่กับงานนี่แหละ ฉันได้แต่หวังว่าจะมีใครสักคนบ้างมั้ยนะที่จะเดินเข้ามาเปลี่ยนเขาได้บ้าง"  เจ้าของเรือนผมสีทรายกล่าวก่อนจะเหลือบมองไปยังซากุระที่บัดนี้ยังคงไม่รู้ถึงนัยความหมายที่เธอต้องการจะสื่อ



          "แต่จะว่าไปแล้วก็น่าอิจฉาคุณเทมารินะคะ ที่ได้สมหวังกับคนที่รัก..."


          "หึ แต่มันก็ไม่ใช่เรื่องง่ายเลยนะ"


          "หมายความว่าไงกันคะ"


          "ก็กว่าจะฟันฝ่าอุปสรรคต่างๆมาได้ก็นับว่านานพอสมควร ไหนกว่าอิตาขี้แยนี่จะกล้าสารภาพอีก"  เทมาริเผยรอยยิ้มออกมาในขณะที่หันไปมองชายหนุ่มขี้เซาที่กำลังนอนหน้าฟุบบนโต๊ะพร้อมกับนารูโตะและซาอิขนาบข้าง บัดนี้คาดว่าน่าจะเมาได้ที่แล้ว


          "ดังนั้นที่ฉันกำลังจะบอกก็คือ 'ความรักมันเป็นเรื่องของเวลา' เราแค่ปล่อยให้เป็นหน้าที่ของเวลาเถอะนะ"




_______________________________________________________





          ในค่ำคืนหนึ่งที่พระจันทร์เต็มดวงส่องสว่างเผยให้เงาของร่างสูงเรือนผมสีรัตติกาลพร้อมด้วยเสื้อคลุมสีดำบุคคลผู้เคยได้ชื่อว่า 'นินจาทรยศ' โดยทั่วไปแล้วเขาจะต้องติดคุกตลอดชีวิต แต่เหตุผลเดียวที่เขาถูกละเว้นโทษเป็นเพราะความร่วมมือในการคลายคาถาอ่านจันทรานิรันดร์ หลังจากนั้นเขาก็เลือกเส้นทางไถ่บาปในการสำรวจปัญหาต่างๆของโลกภายนอก เพื่อที่จะชดใช้ความผิดทั้งหมด


          ชายหนุ่มก้าวเดินสวบสาบไปบนทางเดินที่เต็มไปด้วยใบไม้จำนวนมากจึงก่อให้เกิดเสียงขณะที่ย่ำเท้าลงไป ดวงตาสีนิลลอบมองทางข้างหน้าที่นำไปยังตัวหมู่บ้านเล็กๆที่ถึงแม้จะตกกลางคืนแล้ว แต่เสียงดังครึกครื้นของผู้คนก็ยังคงดังต่อเนื่อง


          'คืนนี้นอนที่นี่ก่อนแล้วกัน'



          ซาสึเกะย่างสามขุมไปในตัวหมู่บ้านที่มีผู้คนมากหน้าหลายตา เป็นภาพที่ดูอบอุ่นสำหรับหมู่บ้านเล็กๆเช่นนี้ ในระหว่างทางเขาก็เหลือบไปเห็นร้านค้าเล็กๆที่มีหญิงชราผิวหนังเหี่ยวย่นเป็นเจ้าของ ตรงหน้าปรากฏสร้อยคอสวยงามหลากหลายแบบวางเรียงรายอยู่บนโต๊ะ ทำให้เขาจำต้องหยุดฝีเท้าแล้วก้มมอง


          "สนใจอันไหนหรือจ๊ะพ่อหนุ่ม"


     ร่างสูงเอื้อมมือหยิบสร้อยคอเส้นหนึ่งมีจี้เพชรรูปดอกซากุระอยู่ตรงกลางเล็กๆ ขึ้นมาดูอย่างสนใจ


          "เลือกได้ดีหนิ อันนั้นมีความหมายว่าหัวใจที่เข้มแข็ง มันเป็นสัญลักษณ์ของความหวังและความสุข บ่งบอกถึงการสิ้นสุดของฤดูหนาวอันหนาวเย็น และก้าวเข้าสู่ฤดูใบไม้ผลิที่มีแต่ความสดใสจ้ะ"


          "งั้นเอาอันนี้ครับ"


          "เขาคงเป็นคนพิเศษสินะพ่อหนุ่ม ยายน่ะดูออกนะ"


     ซาสึเกะยังคงมีสีหน้าไม่บ่งบอกความหมาย เขาเงยหน้าขึ้นมองฟากฟ้ายามค่ำคืนที่อยู่ไกลออกไป ชายหนุ่มปรายฝ่ามือขึ้นมารองรับกลีบดอกซากุระที่ค่อยๆร่วงหล่นลงมาตามแรงลม ก่อนจะเผยรอยยิ้มบางๆออกมาที่มุมปาก



          'สุขสันต์วันเกิดนะ...ซากุระ'

ความคิดเห็น